อนุมูลอิสระ (Free radical) ตัวการร้ายทำลายผิว เกิดจากปฎิกริยาออกซิเดชั่นของออกซิเจนในการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย กลายเป็นสนิมไปเกาะเซลล์ต่างๆ และกัดกร่อนเซลล์ให้เสื่อมสภาพเร็ว เปรียบได้กับคราบควันพิษจากการเผาเชื้อเพลิงของโรงงาน หากเกิดเพียงเล็กน้อยร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนด้วยอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ผิวหมองคล้ำ แต่ถ้าเมื่อใดที่ร่างกายต้องเผชิญกับปัจจัยอื่นรุมเร้า ก็จะมีปริมาณอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเฉียบพลัน จนเกินกว่าจะรับมือไหว และหากยิ่งทิ้งไว้เนิ่นนานอวัยวะต่างๆ จะเกิดความเสื่อมหรือแสดงออกทางผิวหนังที่เหี่ยวย่น ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขยากเสียแล้ว ไม่อยากแก่ต้องทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ร่างกายต้องแบกรับปริมาณสารอนุมูลอิสระเกินขนาด จนเป็นสาเหตุแห่งความแก่ชรา คุณควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระดังนี้ กิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก เช่น ออกกำลังกายหักโหมจนเกิดอาการเหนื่อยหอบ อย่างการวิ่งมาราธอน ยกน้ำหนัก กินอาหารที่ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานมาก เช่น ของทอด อาหารกลุ่มไขมันชนิดอิ่มตัว และไขมันทรานซ์ คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ที่ให้แคลอรีสูง หรือสิ่งที่มีอนุมูลอิสระสูง เช่น ของปิ้งย่าง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงมลภาวะและสารเคมี นอกจากมลพิษทางอากาศ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่เราหายใจเข้าไปแล้ว สารเคมีที่ปลอมปนอยู่ในอาหาร เช่น ยาฆ่าแมลง ผงชูรส สีสังเคราะห์ ยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ส่วนแสงแดดที่เราต้องเจอทุกวันก็ส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระบริเวณผิวหนัง ซึ่งเป็นด่านแรกที่รับแสงนั่นเอง เครียด สมองถือเป็นอวัยวะที่ผลิตอนุมูลอิสระสูงเนื่องจากทำงานหนักและมีการเผาผลาญพลังงานมาก […]
1.ควรเช็ดเครื่องสำอางค์ให้สะอาดด้วยคลินซิ่งโลชั่น นวดแต่ละส่วน โดยแบ่งเป็น 5 ส่วน ได้แก่ แก้มทั้งสองข้าง จมูก หน้าผากและคาง 2.เช็ดด้วยกระดาษทิชชู่โดยการพับนั้น พยายามอย่าให้กระดาษมีรอยย่น เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ไล่เช็ดจากแก้ม โดยเช็ดจากล่างขึ้นบนไปเพื่อให้ใบหน้าของเรากระชับ ส่วนจมูก เช็ดจากด้านข้างร่องของจมูกขึ้นไปจนถึงระหว่างคิ้ว ส่วนของหน้าผาก ผิวเหนือริมฝีปากและคาง ก็ให้เช็ดตามขวางไปให้หมดจด 3.ตามด้วยโฟมล้างหน้า ให้เราถือว่าการล้างหน้าก็เป็นการนวดหน้าไปในตัวนะค่ะ ใครที่อยากให้หน้าของเรากระชับ ก็ถือโอกาสนวดคลึงๆไปแต่ละส่วนของใบหน้า นอกจากหน้าของเราจะใสสะอาดหมดจดแล้ว ยังช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ใบหน้ากระชับ แลดูอ่อนเยาว์อีกด้วยค่ะ
อาการผิวไหม้แดด หรือ Sun Burn เกิดจากการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน โดยอาการไหม้แดดจะเกิดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน ถ้ายิ่งขาวมากเท่าไร ผิวจะยิ่งไหม้เร็วเท่านั้น ภาวะผิวไหม้แดดแบ่งได้ตามระดับอาการดังนี้ ระดับ 1 อักเสบเล็กน้อย คัน แสบ แดง How to: ให้รีบหลบเข้าที่ร่ม ดื่มน้ำมากๆ แล้วเติมครีมกันแดดในกรณีที่ต้องการอยู่กลางแดดต่อ จากนั้นทาอาฟเตอร์ซันที่มีส่วนผสมหลักของว่านหางจระเข้ หรือจะใช้เป็นเจลว่านหางจระเข้เลยก็ได้ เพื่อช่วยสมานผิวที่ถูกทำลายและช่วยฆ่าเชื้ออย่างอ่อนๆ ทาประมาณ 2-3 วัน อาการก็จะดีขึ้น ระดับ 2 ปวดแสบปวดร้อนตามผิว บวมแดง How to: หลังจากทำตามวิธีของระดับ 1 เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น 5-7 วันต่อมาอาจมีอาการผิวลอกเป็นขุย แนะนำให้ใช้ออยล์หรือผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น เช่น น้ำมันงา น้ำมันมะกอก ต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้ารู้สึกว่าเป็นมากแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับยาแก้แพ้ประเภทแอนติฮิสตามีนมาทานควบคู่กับการดูแลผิวด้วย ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีอาการผิวไหม้แดด 1. ผิวที่โดนแดดมาจะมีอาการขาดน้ำ จึงควรงดชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการขับปัสสาวะซึ่งจะทำให้ผิวขาดน้ำยิ่งขึ้น 2. […]